Internet of Things (IOT)
•
เทคโนโลยี Internet of Things (ioT) หรือ “อินเตอร์เน็ตในทุกสิ่ง”
หมายถึง
การที่สิ่งต่างๆ ถูกเชื่อมโยงทุกสิ่งทุกอย่างเข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ต
ทำให้มนุษย์สามารถสั่งการ ควบคุมใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
เช่น การสั่งเปิด-ปิด อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ
เครื่องมือสื่อสาร เครื่องใช้สำนักงาน เครื่องมือทางการเกษตร
เครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรม อาคาร บ้านเรือน เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันต่างๆ
ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นต้น โดยเทคโนโลยีนี้จะเป็นทั้งประโยชน์อย่างมหาศาล
และความเสี่ยงไปพร้อมๆ กัน
เพราะหากระบบรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์และเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไม่ดีพอ
จะทำให้ผู้ไม่ประสงค์ดีเข้ามากระทำการที่ไม่พึงประสงค์ต่ออุปกรณ์ข้อมูลสารสนเทศหรือความเป็นส่วนตัวของบุคคลได้
ดังนั้น การพัฒนาไปสู่ Internet of Things จึงมีความจำเป็นต้องพัฒนามาตรการและเทคนิคในการรักษาความปลอดภัยไอทีควบคู่กันไปด้วย
•
หรือบางแห่งเรียก M2M ย่อมาจากMachine to Machine คือ
เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตที่เชื่อมอุปกรณ์กับเครื่องมือต่างๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ รถยนต์
ตู้เย็น โทรทัศน์ และอื่นๆ เข้าไว้ด้วยกัน
โดยการเชื่อมโยงช่วยให้สื่อสารกันได้ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต จากการคาดการณ์ ในปี
ค.ศ. 2020 สิ่งต่างๆ กว่าแสนล้านชิ้นจะสามารถเชื่อมต่อกันได้ด้วยระบบ IoT ซึ่งจะส่งผลให้ผู้บริโภคทั่วไปจะเริ่มคุ้นเคยกับเทคโนโลยีที่ทำให้พวกเขา
สามารถควบคุมสิ่งของต่างๆ ทั้งจากในบ้านและสำนักงานหรือจากที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น
•
ในหลายๆ ประเทศ เริ่มติดตั้งป้ายทะเบียนรถ
หรือป้ายจ่ายค่าทางด่วนเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ ประเทศไทยก็เช่นกันซึ่งจะเป็
นประโยชน์ต่อ การตรวจสอบทะเบียนรถที่วิ่งผ่าน รวมถึงยังสามารถติดตามรถสูญหายได้รวดเร็วขึ้น
เพราะมีสัญญาณบอกตำแหน่งที่ตั้งของรถได้ การรักษาความปลอดภัยด้าน IT จะเน้นไปทาง
"การรักษาความปลอดภัยดิจิตอล" เพื่อรองรับกับความท้าทายใหม่ๆ เช่น Internet of Things เนื่องจากแนวโน้มเช่น
"Bring Your Own
Device" สำหรับพนักงานที่มีสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และ Internet of Things (IoT) ที่ผลิตภัณฑ์ต่างๆ
ทั้งสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าอุปโภคบริโภคต่างก็จะเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายในรูปแบบที่ไม่เป็นที่รู้จักมาก่อน
ดังนั้นกลยุทธ์การรักษาความปลอดภัยด้านไอทีที่เคยถูกกำหนดหรือจัดทำไว้แต่เดิม
จะต้องมีการปรับเปลี่ยนขยายตัว โดยการขยายตัวนี้นักวิเคราะห์ของ Gartner แจ้งว่าจะนำไปสู่งานที่ซับซ้อนมากขึ้น
เช่น จะมีการเพิ่มตำแหน่งงาน "เจ้าหน้าที่ประเมินความเสี่ยงดิจิตอล"
ที่จะต้องมีหน้าที่คิดและกำหนดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ "นวัตกรรมดิจิตอล"
ทุกชนิดที่ธุรกิจนำมาใช้เพิ่มขึ้นมา
•
บทบาทของเจ้าหน้าที่ประเมินความเสี่ยงดิจิตอล
คือการประเมินทุกด้านของการเชื่อมต่อดิจิตอล
รวมถึงสถานที่ที่มีการเชื่อมต่อทุกอย่างที่มาจาก IoT ด้วย
เพื่อให้แน่ใจว่าการรักษาความปลอดภัยสามารถแบ่งย่อยออกเป็นล้านๆ ส่วนได้ในกรณีที่จำเป็น
นวัตกรรมดิจิตอลใดๆ จะต้องได้รับการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ประเมินความเสี่ยงดิจิตอล
ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการคาดหวังว่าจะสามารถกำกับดูแลงานที่ปกติ CISO (Chief Information Security
Officer) ทำอยู่ เช่น การรักษาความปลอดภัยเครือข่ายองค์กรและการปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆ
ได้
•
Gartner
ยังได้ประกาศ "top trend" ด้านการรักษาความปลอดภัยสำหรับธุรกิจดิจิตอล (digital business) ด้วย โดย Gartner ได้ให้คำนิยาม
digital business ว่าเป็น
"การสร้างรูปแบบธุรกิจใหม่โดยการทำให้ภาพของโลกดิจิตอลและโลกความจริงทางกายภาพไม่ชัดเจน"
ตามที่ Earl Perkins นักวิเคราะห์ของ
Gartner กล่าวไว้นั้น
ธุรกิจดิจิตอลหรือองค์กรดิจิตอล
"ต้องทำให้ทรัพย์สินทั้งทางกายภาพเป็นทรัพย์สินในแบบนามธรรมหรือทรัพย์สินเสมือน"
เช่น ทำให้ข้อมูลและกระบวนการธุรกิจเป็นรูปแบบดิจิตอลทั้งหมด
เจ้าหน้าที่ประเมินความเสี่ยงดิจิตอลจะได้รับมอบหมายให้ดูแลการรักษาความปลอดภัยทั้งด้านอุปกรณ์ทางกายภาพและข้อมูล
รวมทั้ง IoT ด้วย
•
ซึ่งหมายความว่า
การรักษาความปลอดภัยในปัจจุบันนี้ "อยู่ในจุดสภาวะที่ติดเชื้อ" เขากล่าว
การเพิ่มการรักษาความปลอดภัย IoT คือ "พื้นที่ของคุณกำลังจะถูกโจมตีด้านระบบความปลอดภัยที่คุณไม่ทราบมาก่อนว่ามันจะมา"
ซึ่งอุปกรณ์ perimeter
firewall แบบเดิมจะไม่รู้จักรูปแบบมาก่อน
แนวโน้มการรักษาความปลอดภัยดิจิตอลที่สำคัญ
(Top Digital Security)




ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น